บทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ LINE Pay

บทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ LINE Pay

อัปเดตล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2566
บทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ LINE Pay ฉบับนี้ (“บทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูล รวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลใดๆ ซึ่งระบุไปถึงหรือสามารถระบุตัวตนของบุคคลธรรมดาได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) โดยไลน์เพย์ คอร์เปอเรชั่น (LINE Pay Corporation) (ต่อจากนี้เรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) บทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นส่วนเสริมและเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายความเป็นส่วนตัวของ LINE Pay (LINE Pay Privacy Policy) (“นโยบายความเป็นส่วนตัว”) เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ของประเทศไทย บทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้บังคับเฉพาะกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ที่ใช้บริการของเรา (ตามที่ระบุไว้ด้านล่าง) และเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทย หากมีข้อขัดแย้งใดระหว่างข้อกำหนดของนโยบายความเป็นส่วนตัวกับบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ให้ถือว่าข้อกำหนดของบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ
แม้บริษัทจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อให้บริการแก่บุคคลที่อยู่ในประเทศไทยโดยตรง แต่บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกปิดกั้นจากใช้บริการบางอย่างที่บริษัทนำเสนอ (“บริการ”) ดังนั้น การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของพวกเขาจึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสนใจเป็นหลัก
1. คำอธิบายกิจกรรมของเรา
กิจกรรมเชิงพาณิชย์ของบริษัทประกอบด้วยการให้บริการชำระเงินแก่ท่านซึ่งช่วยให้ท่านดำเนินการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตซึ่งลงทะเบียนไว้กับบริษัทได้ที่ร้านค้า LINE Pay ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
2. คำจำกัดความและการตีความ
ในบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เว้นแต่ตามบริบทจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
  • - การอ้างอิงเอกสาร หมายความว่า การอ้างอิงถึงเอกสารฉบับที่ได้มีการแก้ไขหรือแทนที่เป็นครั้งคราว
  • - การอ้างถึงบุคคลให้รวมถึงบริษัท องค์กร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดขององค์กรที่รวมกันในรูปของบริษัท
  • - คำที่นำเข้าเป็นเอกพจน์ต้องได้รับการปฏิบัติในฐานะการนำเข้าเป็นพหูพจน์และในทางกลับกัน
  • - เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นโดยชัดแจ้ง หัวเรื่อง คำอธิบายภาพ หรือหัวข้อใดๆ ที่อยู่ในบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะถูกแทรกเพื่อความสะดวกเพียงเท่านั้น และจะไม่เป็นการจำกัดความหรืออธิบายหัวข้อหรือข้อกำหนดใดๆ ในที่นี้
3. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และตัวแทน
บริษัท ไลน์เพย์ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น เป็นนิติบุคคลที่รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ท่านสามารถติดต่อเราผ่านทาง Inquiry Form หรือติดต่อได้ที่

อีเมล:
dl_linepay_eu@linecorp.com
ไปรษณีย์:
LINE Pay Corporation
22nd Floor, Osaki Garden Tower
1-1-1 Nishi-Shinagawa, Shinagawa-ku, Tokyo 141-0033, Japan
ท่านยังสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราได้ที่ 22nd Floor Osaki Garden Tower
1-1-1 Nishi-Shinagawa, Shinagawa-ku, Tokyo 141-0033, Japan.

สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในประเทศไทย บริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนซึ่งท่านสามารถติดต่อได้ในทุกประเด็นที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้

ตัวแทนในประเทศไทย: TMI Associates (Thailand) Co., Ltd.
ถึง LINE Pay Corporation PDPA Representative in Thailand
26th Floor #2608-2609, Sathorn Square Office Tower, 98 North Sathorn Road, Silom, Bangrak, Bangkok, 10500, Thailand
อีเมล: LINEPayPDPA@tmi.gr.jp

Representative in the United Kingdom:DP Data Protection Services UK Ltd
Attn: Line Pay Corporation, 16 Great Queen Street, Covent Garden, London, WC2B 5AH, United Kingdom
www.dp-dock.com
linepay@gdpr-rep.com
44. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวมและประมวลผล
4.1 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวมนั้นได้ระบุไว้ใน “1 การได้มาซึ่งข้อมูลของลูกค้า” ของนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) และในบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวของ LINE Pay (LY Corporation’s User Infomation Provision Policy)
4.2 ผลกระทบที่อาจเป็นไปได้จากการปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
เราจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหลายรายการจากท่านเพื่อให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาของเราที่มีต่อท่านหรือต่อบุคคลอื่นได้ ข้อมูลอื่นๆ อาจจะจำเป็นแค่เพื่อให้แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หากท่านปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลดังกล่าวแก่เรา เราอาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดตามสัญญาได้ หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด เราอาจไม่สามารถให้บริการแก่ท่านต่อไปได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านปฏิเสธไม่ให้เก็บรวบรวมและฐานทางกฎหมายที่เราอาจใช้ประมวลผลข้อมูลดังกล่าว ในกรณีที่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญากับเรา เราจะแจ้งให้ท่านทราบ
5. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
แม้จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน “ข้อ 2 วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลลูกค้า” ของนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้เท่านั้น สำหรับรายละเอียดของวัตถุประสงค์ กรุณาดูที่ “(1) เพื่อให้บริการ ปรับปรุงและพัฒนาบริการ” และ “(2) เพื่อป้องกันการใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต” ใน “ข้อ 2 วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลลูกค้า” ของนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
วัตถุประสงค์ในการประมวลผล ฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
เพื่อให้บริการ ปรับปรุงและพัฒนาบริการ
  • - จำเป็นต้องประมวลผลเพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันของเราภายใต้สัญญากับท่านหรือดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าว หรือ
  • - จำเป็นต้องประมวลผลเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราในการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเราและการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราสร้างผลกำไรและดึงดูดลูกค้ารายใหม่ได้
เพื่อป้องกันการใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • - จำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่เรา หรือ
  • - จำเป็นต้องประมวลผลเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราเพื่อคุ้มครองเราและลูกค้าของเราจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
6. การถอนความยินยอมของท่าน
โปรดทราบว่า ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมของท่านได้ทุกเมื่อสำหรับการประมวลผลซึ่งใช้ฐานความยินยอมของท่าน ในการใช้สิทธิดังกล่าว กรุณาติดต่อเราผ่านช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ใน “3. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และตัวแทน”
เมื่อท่านถอนความยินยอม เราจะหยุดการประมวลผล เว้นแต่เราค้นพบว่า มีฐานทางกฎหมายอื่นที่อนุญาตให้เราประมวลผลของมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปได้ ในกรณีเช่นนี้ เราจะแจ้งให้ท่านทราบถึงฐานทางกฎหมายอื่น การถอนความยินยอมของท่านย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลที่ถูกต้องตามกฎหมายตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ก่อนถอนความยินยอม
7. การจำกัดอายุ
แม้จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน “ข้อ 12 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอายุต่ำกว่า 15 ปี” ในนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ผู้ใช้บริการที่อยู่ในประเทศไทยต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์หรือมากกว่าเท่านั้น
8. การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
ท่านต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ท่านให้แก่เราโดยตรงนั้นถูกต้อง สมบูรณ์ เป็นความจริง และแม่นยำ ตลอดจนต้องรักษาข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอโดยแจ้งหรือบันทึกการอัปเดตใดๆ ไปยังบริการอย่างทันท่วงที การที่ท่านไม่ได้กระทำตามที่กล่าวมาอาจส่งผลให้เกิดผลเสียแก่ท่าน เช่น การไม่สามารถใช้บริการได้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อผลเสียดังกล่าว
9. สิทธิของท่าน
9.1. สิทธิโดยทั่วไป
ท่านมีสิทธิบางประการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กำหนดไว้ในข้อ 9.2 และ 9.3 ด้านล่าง ในการใช้สิทธิดังกล่าวตามที่ระบุไว้ในหัวข้อนี้ ท่านสามารถติดต่อเราผ่านช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ใน “3. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และตัวแทน” และเมื่อท่านส่งคำร้องขอมายังเรา กรุณาระบุให้ชัดเจนว่าท่านต้องการใช้สิทธิใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลใดของท่าน โปรดทราบว่า เราอาจเก็บบันทึกการติดต่อสื่อสารของท่านไว้เพื่อช่วยให้เราจัดการกับปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคำร้องขอของท่าน
โปรดทราบว่า สิทธิของท่านนั้นไม่ถือเป็นเด็ดขาด และท่านอาจถูกปฏิเสธการใช้สิทธิได้ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีเช่นนี้ เราจะแจ้งท่านถึงเหตุผลที่ไม่อาจปฏิบัติตามคำร้องขอของท่านได้
เราจะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างสมเหตุสมผล และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการที่ได้กระทำไปโดยไม่ชักช้าไม่ว่าในกรณีใดภายในหนึ่งเดือนหลังจากได้รับคำร้องขอของท่าน ระยะเวลาดังกล่าวอาจขยายออกไปอีกสองเดือนหากจำเป็น โดยจะพิจารณาจากความซับซ้อนและจำนวนคำร้องขอของท่าน ในกรณีนี้ เราจะแจ้งท่านถึงการขยายระยะเวลาดังกล่าวภายในหนึ่งเดือนนับจากได้รับคำร้องขอของท่านพร้อมกับเหตุผลของความล่าช้า
หากเราตัดสินใจที่จะไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอของท่านหรือไม่ได้ดำเนินการตามคำร้องขอของท่านภายในกรอบระยะเวลาตามที่กล่าวมา ท่านสามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทย (“คณะกรรมการ”) และท่านสามารถขอรับการเยียวยาทางกฎหมายต่อการตัดสินใจของเราได้
9.2. สิทธิของท่านในการเข้าถึง แก้ไขให้ถูกต้อง ลบ ระงับ คัดค้านการประมวลผลและการส่งหรือโอนข้อมูล
ท่านมีสิทธิที่สามารถบังคับใช้ได้และอยู่ในขอบเขตของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการขอแก้ไขให้ถูกต้องหรือลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการขอระงับหรือคัดค้านการประมวลผล
นอกจากนี้ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลกำหนดไว้ ท่านยังมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ และสิทธิในการส่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นโดยไร้การขัดขวาง เราจะส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเลือกโดยตรงตามความเหมาะสมและเป็นไปได้ทางเทคนิค
9.3. สิทธิของท่านในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการ
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการในกรณีที่ท่านเห็นว่าเราละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น หมายความว่า ในเบื้องต้นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกเก็บไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น
แม้จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน “ข้อ 7 การเก็บและการส่งหรือโอนข้อมูลลูกค้า” ของนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) เราอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ รวมถึงประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
เมื่อบริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากมาตรฐานที่เพียงพอ บริษัทจะจัดให้มีข้อกำหนดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่รับรองโดยคณะกรรมการเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ตามที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลระหว่างนิติบุคคลที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย
11. การเปิดเผยและการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
ประเภทของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ระบุไว้ใน “ข้อ 5 การเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้แก่ผู้รับเหมา” “ข้อ 6 การแบ่งปันข้อมูลลูกค้าระหว่างกลุ่มบริษัท” และ “ข้อ 7 การเก็บและการส่งหรือโอนข้อมูลของลูกค้า” ของนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) และในบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวของ LINE Pay (LY Corporation’s User Information Provision Policy) นอกจากนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการการชำระเงิน เช่น ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway) หรือผู้ประมวลผลการชำระเงินเพื่อให้การชำระเงินของท่านเสร็จสมบูรณ์
12. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางการบริหาร ทางเทคนิคและทางองค์กรที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญหาย การโจรกรรม การใช้ในทางมิชอบ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การทำลาย และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สำหรับรายละเอียดมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเรา กรุณาอ่านที่ “การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (Safety Management Measures for Personal Data)”
13. การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยไม่กระทบถึงสิทธิของบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติมสำหรับวัตถุประสงค์ที่ไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์แรกเริ่ม และอยู่ภายใต้ภาระผูกพันทางกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ในบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เท่านั้น หรือตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับรวมถึงกฎหมายญี่ปุ่นได้กำหนดไว้ เกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาการจัดเก็บของเรา ได้แก่ (1) ระยะเวลาที่เรามีความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับท่าน (2) มีภาระผูกพันทางกฎหมายใดที่เราต้องปฏิบัติตามหรือไม่ และ (3) มีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือไม่
เมื่อการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป บริษัทต้องดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธีที่ปลอดภัย
14. การปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวและบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง อัปเดต เสริม เพิ่มหรือลบบางส่วนของนโยบายความเป็นส่วนตัวและบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (รวมเรียกว่า “เอกสารความเป็นส่วนตัว”) ได้ทุกเมื่อด้วยดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เมื่อบริษัทดำเนินการเปลี่ยนแปลงเอกสารความเป็นส่วนตัวดังกล่าว บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นโดยประกาศเอกสารความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุงบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของบริษัท (“เอกสารความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุง”) ท่านมีความรับผิดชอบในการตรวจดูเอกสารความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุง
การที่ท่านยังคงใช้บริการของเราต่อภายหลังจากการประกาศการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หรือไม่มีการคัดค้านใดๆ ภายในสามสิบวันนับจากวันที่ได้ประกาศเอกสารความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุงบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของบริษัท ให้ถือว่าท่านได้รับทราบเอกสารความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุงนั้นแล้ว
15. การควบรวมกิจการ/การเข้าซื้อกิจการ
หากบริษัทควบรวมกับบริษัทหรือนิติบุคคลอื่น ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม หรือมีการเข้าซื้อแต่บางส่วนหรือทั้งหมดโดยบริษัทหรือนิติบุคคลดังกล่าว บริษัทหรือนิติบุคคลดังกล่าวย่อมเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท บริษัทหรือนิติบุคคลดังกล่าวต้องผูกพันตามบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยไม่กระทบถึงสิทธิในการปรับปรุงบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับปัจจุบัน
16. ข้อสอบถาม
หากท่านมีคำถามหรือมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวหรือบทเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อเราผ่านช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ใน “ข้อ 3 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และตัวแทน”