LINE

ภาษาไทย
ข้อกำหนดการใช้งานบัญชีทางการ (LINE Official Account Terms of Use)


ข้อ 1  การปรับใช้ข้อกำหนดของการบริการ 
1. วัตถุประสงค์ของข้อกำหนดการใช้งานบัญชีทางการ (LINE Official Account Terms of Use) (ต่อไปนี้เรียกว่า “ข้อกำหนด”) มีไว้เพื่อวางข้อกำหนดและเงื่อนไข สำหรับการใช้บริการทั้งหมดที่เกี่ยวกับบัญชีทางการ (LINE Official Account) (ต่อไปนี้เรียกว่า “บัญชีทางการ”)  ซึ่งให้บริการโดย LY Corporation และ ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น (LINE Plus Corporation) และบริษัทในเครือ ในฐานะผู้จัดจำหน่าย (ต่อไปนี้เรียกว่า “พลัส”) (ต่อไปนี้เรียกรวมกันว่า “บริษัท”) 
2. ข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ LY Corporation (LY Corporation Common Terms of Use) (http://terms.line.me/line_terms) แนวทางการใช้บัญชีทางการ (LINE Official Account Guidelines) (https://terms2.line.me/official_account_guideline_th) และสัญญาเฉพาะ (ต่อไปนี้เรียกว่า “สัญญาเฉพาะ” สำหรับการบริการแต่ละบริการ (ต่อไปนี้เรียกว่า “การบริการเพิ่มเติม”)) ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการซึ่งบังคับใช้โดยบริษัท รวมถึงข้อกำหนดนี้จะถูกนำไปปรับใช้กับบัญชีทางการด้วย
3. ในกรณีที่มีความแตกต่างหรือการขัดแย้งกันระหว่างบทบัญญัติต่าง ๆ ของข้อกำหนดนี้ ข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ LY Corporation (LY Corporation Common Terms of Use) แนวทางการใช้บัญชีทางการ (LINE Official Account Guidelines) และ/หรือ สัญญาเฉพาะ ให้บังคับใช้บทบัญญัติเหล่านั้นตามลำดับความสำคัญดังต่อไปนี้ กล่าวคือ สัญญาเฉพาะ แนวทางการใช้บัญชีทางการ (LINE Official Account Guidelines) ข้อกำหนดนี้ และข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ LY Corporation (LY Corporation Common Terms of Use) ตามลำดับ
4. ลูกค้าจะต้องใช้บัญชีทางการโดยเป็นไปตามข้อกำหนดนี้ ข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ LY Corporation (LY Corporation Common Terms of Use) และแนวทางการใช้บัญชีทางการ (LINE Official Account Guidelines) นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเมื่อใช้งานบัญชีทางการ


ข้อ 2  การสมัครใช้งาน การยืนยันตัวตน การปฏิเสธการยืนยันตัวตน  และการยกเลิกการยืนยันตัวตน  
1. ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ลูกค้าจะได้รับบัญชี (ต่อไปนี้เรียกว่า “บัญชี”) เพื่อใช้งานบัญชีทางการ โดยการสมัครขอใช้งานบัญชีทางการผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนด
2. เมื่อลูกค้าได้สมัครใช้งานบัญชีทางการผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดและได้รับการอนุมัติจากบริษัทแล้ว บริษัทอาจจะดำเนินการยืนยันบัญชีของลูกค้าดังกล่าว (ต่อไปนี้จะเรียกบัญชีซึ่งได้รับการยืนยันจากบริษัทว่า “บัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้ว”) 
3. บริษัทสามารถพิจารณาให้บัญชีซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบางอย่างซึ่งบริษัทกำหนดขึ้น ให้เป็นบัญชีแบบพรีเมียม  ได้ในบางกรณี (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บัญชีแบบพรีเมียม”) ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทไม่มีหน้าที่ที่จะต้องเปิดเผยมาตรฐานซึ่งจะทำให้บัญชีกลายเป็นบัญชีแบบพรีเมียมอีกด้วย
4. ในกรณีที่บริษัทเห็นว่ามีข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับลูกค้า บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอของลูกค้าดังกล่าวสำหรับบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้ว หรือยกเลิกการยืนยันตัวตนของบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้วหรือบัญชีแบบพรีเมียมของลูกค้าดังกล่าวก็ได้
(1) ในกรณีที่ลูกค้าให้ข้อมูลเท็จแก่บริษัท
(2) ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการตรวจสอบ (ซึ่งบริษัทไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยมาตรฐานดังกล่าว) ที่บริษัทกำหนดขึ้น
(3) นอกจากนี้ ในกรณีที่บริษัทเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ลูกค้าจะใช้งานบัญชีทางการ
5. บริษัทสามารถให้การบริการเพิ่มเติมสำหรับบัญชีทางการแก่ลูกค้า ซึ่งอาจจะมีค่าบริการหรือไม่มีค่าบริการก็ได้ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้การบริการเพิ่มเติมโดยการให้ความยินยอมแก่สัญญาเฉพาะเกี่ยวกับการบริการเพิ่มเติมดังกล่าวซึ่งกำหนดขึ้นโดยบริษัท และสมัครขอรับการบริการเพิ่มเติมผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดขึ้น


ข้อ 3  การปรับปรุงข้อกำหนดนี้
บริษัทสามารถปรับปรุงข้อกำหนดนี้และลักษณะของการบริการ และอื่นๆ ที่ให้บริการโดยบัญชีทางการ ตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เมื่อจำเป็นต้องมีการปรับปรุง ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะแจ้งเนื้อหาที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้วของข้อกำหนดนี้ พร้อมทั้งวันที่มีผลใช้บังคับของการแก้ไขปรับปรุงผ่านช่องทางบัญชีทางการ หรือเว็บไซต์ของบริษัท หรือจะประกาศโดยการแจ้งให้ลูกค้าทราบตามวิธีการที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ ข้อกำหนดฉบับที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้วจะมีผลบังคับใช้ในวันที่บังคับใช้ตามที่ได้ประกาศ


ข้อ 4  ระยะเวลาการใช้งาน 
บัญชีทางการ รวมถึงบัญชีทางการแบบไม่มีค่าบริการและบัญชีทางการแบบต้องชำระค่าบริการ
(1) ระยะเวลาใช้งานสำหรับบัญชีทางการแบบไม่มีค่าบริการ จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ลูกค้ามีคำขอใช้งานบัญชีดังกล่าวจนถึงวันที่บัญชีนั้นถูกลบอย่างเสร็จสมบูรณ์
(2) ระยะเวลาใช้งานสำหรับบัญชีทางการแบบต้องชำระค่าบริการจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ลูกค้าทำคำขอใช้งานเสร็จสมบูรณ์จนถึงวันสุดท้ายของเดือนที่คำขอนั้นเสร็จสมบูรณ์ เว้นแต่ลูกค้าจะร้องขอให้ยกเลิกการใช้งานบัญชีทางการแบบต้องชำระค่าบริการตามวิธีการที่กำหนดขึ้นโดยบริษัทโดยไม่ช้ากว่าวันที่สิ้นสุดของระยะเวลาการใช้งาน กรณีนี้ ให้ระยะเวลาการใช้งานขยายออกไปเป็นระยะเวลาอีกหนึ่งเดือนโดยอัตโนมัติและให้การขยายระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นบังคับใช้กับระยะเวลาหลังจากนั้นด้วย


ข้อ 5  ค่าบริการ
1. บริษัทจะกำหนดลักษณะ ค่าบริการ และวันที่ถึงกำหนดชำระค่าบริการสำหรับแผนการบริการที่ต้องชำระค่าบริการ และอื่นๆ และจะประกาศหรือบอกกล่าวลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โปรดตรวจสอบเรื่องดังกล่าวข้างต้นในเวลาที่สมัครใช้งานแผนการบริการที่ต้องชำระค่าบริการ
2. บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม แผนการบริการที่ต้องชำระค่าบริการโดยแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยการประกาศหรือบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
3. เมื่อลูกค้าประสงค์จะอัปเกรดเป็นอีกแผนการบริการหนึ่ง ลูกค้าดังกล่าวจะต้องมีคำขอดังกล่าวผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยการอัปเกรดจะมีผลในวันที่บริษัทได้รับคำขอเช่นว่านั้นแล้ว ทั้งนี้ ค่าบริการรายเดือนของแผนการบริการที่อัปเกรดและจำนวนข้อความที่สามารถส่งได้ในเดือนที่การอัปเกรดมีผลแล้วจะเป็นไปตามแผนการบริการที่อัปเกรด โดยที่ค่าบริการดังกล่าวจะไม่ถูกคำนวณเป็นตามสัดส่วนรายวัน บริษัทจะประกาศหรือแจ้งให้ทราบซึ่งขอบเขตของแผนการบริการที่เป็นการอัปเกรด
4. เมื่อลูกค้าประสงค์จะ downgrade เป็นอีกแผนการบริการหนึ่ง ลูกค้าดังกล่าวจะต้องมีคำขอดังกล่าวผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยการdowngrade จะมีผลในวันที่ 1 ของเดือนถัดจากวันที่บริษัทได้รับคำขอเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทจะประกาศหรือแจ้งให้ทราบซึ่งขอบเขตของแผนการบริการที่เป็นการ downgrade
5. แม้ว่าลูกค้าจะได้ทำการยกเลิกบัญชีทางการสำหรับแผนการบริการที่ต้องชำระค่าบริการภายในเดือนใดแล้วก็ตาม ลูกค้าดังกล่าวยังจะต้องชำระค่าบริการรายเดือนสำหรับเดือนดังกล่าวเต็มจำนวนและค่าบริการดังกล่าวจะไม่ถูกคำนวณเป็นรายวัน นอกจากนี้ แม้ว่าบัญชีทางการจะถูกยกเลิกแล้ว บริษัทจะไม่คืนค่าบริการที่ลูกค้าได้ชำระไว้ล่วงหน้าให้แก่ลูกค้า
6. ในเวลาที่ชำระค่าบริการให้แก่บริษัท หากค่าบริการดังกล่าวจะต้องเสียภาษีการบริโภคตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติภาษีธุรกิจว่าด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ไม่ใช่ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added and Non-value-added Business Tax Act) รวมถึงกฎหมาย และ/หรือ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติดังกล่าว หรือกฎหมายหรือข้อบังคับใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าจะต้องชำระค่าบริการนั้นพร้อมด้วยจำนวนเงินซึ่งเท่ากับภาษีที่เกี่ยวข้อง
7. ในกรณีที่การคำนวณค่าบริการก่อนคิดภาษีหรือการคำนวณอื่นแล้วเกิดเศษเป็นจำนวนน้อยกว่าศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง (0.01) เหรียญสหรัฐ บริษัทจะปัดเศษนั้นลง ทั้งนี้ ในการคำนวณค่าบริการรวมภาษีนั้น บริษัทจะปัดเศษของค่าบริการซึ่งรวมจำนวนภาษีที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด
8. ในกรณีที่ลูกค้าชำระค่าบริการสำหรับบัญชีทางการล่าช้า สัญญาระหว่างบริษัทและลูกค้าซึ่งอยู่ภายใต้ข้อกำหนดนี้จะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ลูกค้าจากการเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อลูกค้า นอกจากนี้ ลูกค้าดังกล่าวจะต้องชำระค่าปรับในอัตราร้อยละ 10 (คิดเป็นรายวัน) ต่อปีของจำนวนที่ค้างชำระในระหว่างระยะเวลาที่ชำระล่าช้าด้วย และแม้ว่าบัญชีจะถูกระงับหรือยกเลิกเพราะการละเมิดข้อกำหนดนี้โดยลูกค้า ลูกค้ายังคงมีหน้าที่ต้องชำระค่าบริการให้แก่บริษัทอีกด้วย


ข้อ 6  บัญชี
1. ลูกค้าจะต้องจัดการรหัสผ่านสำหรับบัญชีด้วยความรับผิดชอบของตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อรหัสผ่านที่ได้ลงทะเบียนของลูกค้าถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้บัญชีทางการ บริษัทจะให้บริการบัญชีทางการโดยถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของลูกค้า
2. บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับความเสียหายหรือการเสียประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าจากการกระทำที่ได้กระทำผ่านบัญชีไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
3. หากลูกค้ามีความประสงค์ บริษัทอาจให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีในขอบเขตที่สมเหตุสมผลได้ในบางกรณี ในกรณีดังกล่าว บริษัทสามารถเข้าถึงและดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการให้ความช่วยเหลือก็ได้ นอกจากนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานไลน์ (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้ใช้งาน”) ซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
4. ลูกค้าสามารถมอบอำนาจตามที่จำเป็นเพื่อการดำเนินการบัญชีให้แก่บุคคลที่สาม และอาจส่งมอบการดำเนินการบัญชีนั้นให้แก่บุคคลที่สามก็ได้ นอกจากนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานผ่านการดำเนินการของบัญชีของลูกค้าดังกล่าวโดยบุคคลที่สาม
5. ลูกค้าต้องยืนยันหรือลงทะเบียนประเทศหรือภูมิภาคที่ซึ่งลูกค้าได้จดทะเบียนและตั้งอยู่ตามวิธีการที่บริษัทกำหนด บริษัทอาจนำข้อมูลดังกล่าว และอื่นๆ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลที่ลูกค้าลงทะเบียนในขณะที่ใช้งานบัญชีทางการ) ซึ่งลูกค้าได้ให้ไว้ เพื่อดำเนินการลงทะเบียนประเทศหรือภูมิภาคซึ่งลูกค้าได้ตั้งอยู่ โดยอ้างอิงจากหลักเกณฑ์ของบริษัท (ซึ่งบริษัทไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยหลักเกณฑ์ดังกล่าว)
6. บริษัทสามารถกำหนดประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องสำหรับบัญชีและสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องโดยเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท (ซึ่งบริษัทไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยมาตรฐานดังกล่าว) ทั้งนี้ ลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องของบัญชีได้ อนึ่ง ข้อกำหนดนี้และค่าบริการสำหรับแผนการบริการจะถูกปรับใช้กับลูกค้าตามประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องของบัญชี ทั้งนี้ ลักษณะของข้อกำหนดนี้และค่าบริการสำหรับแผนการบริการอาจจะแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องในบางกรณี
7. ลูกค้าที่เป็นบริษัทสามารถสมัครขอใช้งานบัญชี ให้กับบริษัทซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นบริษัทนั้นก็ได้ (หมายถึง บริษัทย่อย บริษัทแม่ หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า และต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นบริษัท”) และสามารถอนุญาตให้บริษัทเหล่านั้นใช้งานบัญชีนั้นได้เช่นเดียวกัน ในกรณีดังกล่าว ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบในการทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นบริษัทดังกล่าว ยินยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติของข้อกำหนดนี้ รวมถึงรับผิดชอบต่อการกระทำของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นบริษัทดังกล่าวเกี่ยวกับข้อกำหนดนี้ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะถือว่าการกระทำของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นบริษัทดังกล่าวได้กระทำลงโดยลูกค้าที่นั้นเอง
8. ในกรณีที่สัญญาที่เกี่ยวกับการใช้งานบัญชีทางการถูกยกเลิกหรือเสร็จสมบูรณ์ หรือการให้การบริการบัญชีทางการเสร็จสมบูรณ์ บริษัทสามารถลบข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่เกี่ยวข้องและเนื้อหาที่มีการเผยแพร่ผ่านทางบัญชี (หมายถึง ข้อมูลหรือเนื้อหาในรูปแบบที่ลูกค้าอนุญาตให้มีการส่งผ่านหรือเข้าถึงได้โดยผู้ใช้งานผ่านการใช้งานบัญชีทางการ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ไอคอน ข้อมูลในโปรไฟล์ ข้อความ รูปภาพและภาพเคลื่อนไหวซึ่งส่งโดยลูกค้า ต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “เนื้อหา”) โดยดุลพินิจของบริษัท และลูกค้าจะต้องให้ความยินยอมเพื่อการดำเนินการดังกล่าวด้วย


ข้อ 7   เนื้อหา
1. ลูกค้ารับประกันและรับรองแก่บริษัทดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาจะต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลที่สาม (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ลิขสิทธิ์ สิทธิทางศีลธรรม สิทธิบัตร สิทธิในเครื่องหมายการค้า สิทธิในการออกแบบ สิทธิในผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ ความลับทางการค้า สิทธิในเกียรติยศ สิทธิในตัวบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และสิทธิในการเผยแพร่)
(2) เนื้อหาต้องไม่ประกอบด้วยข้อมูลซึ่งขัดกับนโยบายสาธารณะ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เนื้อหาที่มีความรุนแรงเกินสมควรและเนื้อหาที่เกี่ยวกับเพศอย่างชัดแจ้ง) กฎหมาย ข้อบังคับ หรือข้อบังคับนี้
(3) ในกรณีที่เนื้อหาประกอบไปด้วยตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ต (URL) ลูกค้าจะต้องใช้ตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ตซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถจดจำสถานะของการเข้าถึงได้เท่านั้น หรือต้องจัดให้มีมาตรการที่จำเป็นเพื่อทำให้ผู้ใช้งานสามารถจดจำสถานะดังกล่าวได้
2. ในกรณีที่เนื้อหาประกอบด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม เนื้อหาดังกล่าวจะต้องมีข้อความเพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะไม่เข้าใจว่าข้อมูลนั้นถูกจัดเตรียมโดยบุคคลที่สามดังกล่าว (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแหล่งที่มาของข้อมูลและการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าข้อมูลนั้นไม่ได้ถูกจัดเตรียมโดยบุคคลที่สามดังกล่าว)
3. ลูกค้ายินยอมว่าบริษัทสามารถทำการยืนยันลักษณะของเนื้อหาเพื่อวัตถุประสงค์ของการดำเนินการของบัญชีทางการที่เหมาะสมได้ ในกรณีที่บริษัทเห็นว่ามีข้อมูลที่ไม่เหมาะสมประกอบอยู่ในเนื้อหา บริษัทมีสิทธิจะไม่เผยแพร่หรือลบเนื้อหาดังกล่าวก็ได้
4. ในกรณีที่ศาล หน่วยงานสืบสวน หรือสถาบันของรัฐ ได้ร้องขอให้บริษัทเปิดเผยหรือจัดให้ซึ่งเนื้อหา หากบริษัทเห็นว่าการร้องขอนั้นสมเหตุสมผล บริษัทอาจเปิดเผยหรือจัดให้ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของลูกค้า
5. สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงลิขสิทธิ์ในเนื้อหาเป็นของลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวของลูกค้า
6. บริษัทสามารถใช้เนื้อหาและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลการใช้งานบัญชีทางการ (รวมถึง ข้อมูลซึ่งลูกค้าได้ลงทะเบียนไว้ในตอนเริ่มต้นการใช้งานบัญชีทางการ ซึ่งจำกัดเพียงข้อมูลที่ไม่ขัดแย้งกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในการติดต่อสื่อสาร) เพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเพื่อการจัดให้ซึ่งการบริการของบริษัท การพัฒนาและปรับปรุงการบริการของบริษัท และการโฆษณา การเผยแพร่ และการส่งเสริมการบริการของบริษัท ทั้งนี้ ลูกค้าให้ความยินยอมล่วงหน้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว (รวมถึง การไม่ใช้สิทธิทางศีลธรรมโต้แย้งกับบริษัท) และบริษัทสามารถแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวข้างต้นกับคู่สัญญาใด ๆ ซึ่งให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริการของบริษัทและผู้รับจ้างช่วงของบริษัทเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น
7. บริษัทสามารถเก็บรักษาเนื้อหาไว้ระบบเครือข่ายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทไม่มีหน้าที่ใด ๆ ในการเก็บรักษาเนื้อหา ทั้งนี้ ในกรณีที่ลูกค้าเห็นว่าเป็นการจำเป็นที่จะเก็บรักษาเนื้อหา ลูกค้าดังกล่าวจะต้องดำเนินการเช่นว่านั้นด้วยค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบของตนเอง


ข้อ 8  การปฏิบัติต่อข้อมูลโดยลูกค้า
1. ข้อมูลใด ๆ และทั้งหมดที่ได้รับมาจากผู้ใช้งานผ่านการใช้งานบัญชีทางการ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ชื่อผู้ใช้งาน ไลน์ไอดี ไอคอน ข้อมูลในโปรไฟล์ ข้อความสถานะ และรูปภาพ ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ข้อมูลของผู้ใช้งาน”) เป็นของบริษัท อย่างไรก็ตาม ข้อนี้จะไม่บังคับใช้กับข้อมูลของผู้ใช้งานซึ่งลูกค้าได้รับมาโดยตรงผ่านทางการใช้งานบัญชีทางการ หรือข้อมูลของผู้ใช้งานซึ่งลูกค้ารวบรวมได้ผ่านทางการเชื่อมโยงภายนอกบัญชีทางการซึ่งได้กำหนดไว้ในบัญชีทางการ
2. ลูกค้าสามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการบัญชีของลูกค้าดังกล่าว และลูกค้าจะต้องไม่เปิดเผย จัดหาให้แก่หรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลไปถึงบุคคลที่สามใด ๆ และจะต้องไม่นำข้อมูลนั้นกลับมาใช้ใหม่เพื่อวัตถุประสงค์ที่นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารจัดการบัญชีโดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร (รวมถึง การอนุญาตผ่านทางอีเมล์) จากบริษัท
3. หากลูกค้าส่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ให้แก่บริษัท (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง รหัสโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และตัวบ่งชี้ภายในของผู้ใช้บริการซึ่งออกโดยบริษัท ทั้งนี้ ให้มีความหมายเดียวกันในข้อนี้) ลูกค้าต้องยอมรับล่วงหน้าว่าบริษัทจะดำเนินการกับข้อมูลที่ลูกค้าส่งมา ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
(1) ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ที่ลูกค้าส่งมาจะถูกนำมาตรวจสอบกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมี และจะถูกนำมาใช้ และ/หรือ ใช้ร่วมกัน ภายในขอบเขตของการปฏิบัติตามคำอธิบายที่รวมอยู่ใน LY Corporation นโยบายความเป็นส่วนตัว (LY Corporation Privacy Policy) (https://line.me/th/terms/policy/) ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ซึ่งจะถูกนำมาใช้ร่วมกัน และผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการข้อมูลของผู้ใช้งาน และอื่นๆ จะถูกระบุอยู่ใน LY Corporation นโยบายความเป็นส่วนตัว (LY Corporation Privacy Policy)
(2) บริษัทจะตรวจสอบเฉพาะข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ที่ลูกค้าได้ให้ไว้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาโดยความยินยอมล่วงหน้าของผู้ใช้งานแล้วเท่านั้น ซึ่งอนุญาตให้สามารถนำไปตรวจสอบและใช้ในการดำเนินการตาม ข้อ 8 3(1) ข้างต้น และใช้ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ดังกล่าว และ
(3) บริษัทจะไม่รับข้อมูลส่วนตัวของข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ใดๆ ที่บริษัทไม่สามารถตรวจสอบได้ตามที่ระบุไว้ในข้อ 8 3(1) ข้างต้น และจะลบข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ดังกล่าว
4. ลูกค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมาย กฎเกณฑ์ คำสั่ง และข้อแนะนำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลในการใช้งานบัญชีทางการ เช่น การได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากผู้ใช้งานในการส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่บริษัท รวมถึงข้อมูลส่วนตัวด้วย
5. ในกรณีที่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบัญชีทางการถูกยกเลิกหรือเสร็จสมบูรณ์ หรือการให้การบริการบัญชีทางการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ลูกค้าจะต้องกำจัดข้อมูลของผู้ใช้งานโดยทันที


ข้อ 9  หน้าที่ในการรายงาน
ในกรณีที่ลูกค้าเปลี่ยนแปลงชื่อทางการค้า ชื่อเรียก หรือบุคลากรผู้รับผิดชอบของลูกค้า ที่อยู่อีเมล์ ภูมิลำเนา หรือข้อมูลทางการติดต่อสื่อสารอื่น ๆ ซึ่งได้ลงทะเบียนไว้กับบัญชีทางการ ลูกค้าดังกล่าวจะต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้นผ่านทางวิธีการที่บริษัทกำหนดไว้โดยทันที และในกรณีที่ได้มีการรายงานข้อมูลดังกล่าวแล้ว บริษัทอาจร้องขอให้ลูกค้าดังกล่าวนำส่งหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและลูกค้าจะต้องปฏิบัติตามคำร้องขอเช่นว่านั้นด้วย


ข้อ 10  ความรับผิดชอบของลูกค้า
1. ในกรณีที่บุคคลที่สามได้มีการร้องเรียนหรือเรียกร้อง หรือยื่นฟ้องคดี และอื่นๆ ต่อบริษัทเนื่องจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้า ลูกค้าดังกล่าวจะต้องตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองและต้องรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว และลูกค้าจะต้องไม่สร้างความยุ่งยากให้แก่บริษัทเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบต่อความรับผิดทางกฎหมายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้า ซึ่งผู้บริหารจัดการ (administrators) และบุคลากรผู้ดำเนินการบัญชีทางการจะต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันในเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ลูกค้าตกลงว่าบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบ ในความเสียหายหรือความรับผิดใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่สามใด ๆ ซึ่งเกิดจากการใช้งานบัญชีทางการของลูกค้า
2. หากลูกค้าละเมิดสิทธิใด ๆ หรือก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แก่บุคคลที่สามโดยการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือละเมิดข้อกำหนดนี้ นอกเหนือจากข้อ 10.1 ดังกล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทสามารถ (1) จำกัดหรือห้ามผู้บริหารจัดการหรือบุคลากรผู้ดำเนินการบัญชีทางการดังกล่าว มิให้ดำเนินการบัญชีทางการอื่นใดที่มีอยู่อีกต่อไป และ (2) ปฏิเสธการขอใช้บริการบัญชีทางการโดยผู้บริหารจัดการหรือบุคลากรผู้ดำเนินการบัญชีที่จะมีขึ้นใหม่ในอนาคตโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือชี้แจงเหตุผล
3. ลูกค้าต้องชดใช้ความเสียหายใด ๆ (รวมถึง ค่าทนายความที่เกิดขึ้น) ต่อบริษัทซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้าโดยทันที ตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ


ข้อ 11  การปฏิบัติต่อข้อมูลซึ่งระบุตัวตนของลูกค้า
1. บริษัทต้องใช้ข้อมูลซึ่งระบุตัวตนของลูกค้าซึ่งลูกค้าดังกล่าวได้ให้ไว้แก่บริษัทภายในขอบเขตซึ่งสอดคล้องกับคำอธิบายที่ระบุไว้ใน LY Corporation นโยบายความเป็นส่วนตัว (LY Corporation Privacy Policy)  https://line.me/th/terms/policy/ และการประมวลผลของบัญชีทางการ เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในข้อ 7 เนื้อหา ในข้อ  6 ย่อย โดยข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ของลูกค้าซึ่งจะถูกนำมาใช้ร่วมกันและผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการจัดการข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ของลูกค้า และอื่นๆ จะถูกระบุอยู่ใน LY Corporation นโยบายความเป็นส่วนตัว (LY Corporation Privacy Policy) https://line.me/th/terms/policy/
2. เว้นแต่จะมีกฎหมาย ข้อบังคับ และ/หรือ LY Corporation นโยบายความเป็นส่วนตัว (LY Corporation Privacy Policy) และเว้นแต่จะได้มีการขอรับความยินยอมของลูกค้าที่เกี่ยวข้องเป็นรายคนแยกจากกัน บริษัทต้องไม่ให้ข้อมูลซึ่งระบุตัวตนของลูกค้าแก่บุคคลที่สามโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้าดังกล่าว
3. ลูกค้าสามารถร้องขอให้บริษัทเปิดเผย แก้ไข เพิ่มเติม และ/หรือ ลบข้อมูลซึ่งระบุตัวตนซึ่งบริษัทได้รวบรวมไว้จากลูกค้า โดยที่อย่างไรก็ตาม การเปิดเผย การแก้ไข การเพิ่มเติม และ/หรือ การลบข้อมูลนั้นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดขึ้นต่างหากโดยบริษัท และอาจจะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากในบางกรณีด้วย ทั้งนี้ โปรดติดต่อ ณ ที่อยู่ของบริษัทดังต่อไปนี้สำหรับคำถามเกี่ยวกับการการเปิดเผย การแก้ไข การเพิ่มเติมและ/หรือการลบหรือการร้องเรียนต่าง ๆ (https://contact-cc.line.me/detailId/10078
4. ลูกค้าตกลงล่วงหน้าว่าข้อมูลทั้งหมดซึ่งได้ลงทะเบียนไว้โดยลูกค้าเกี่ยวกับการบริการภายใต้ข้อบังคับนี้จะถูกลบเมื่อมีการเลิกสัญญาของผู้ใช้งาน 
5. ลูกค้าตกลงล่วงหน้าว่า บริษัทสามารถได้รับข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับการใช้การบริการโดยผู้ใช้งานที่ปรากฏต่อลูกค้า (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น จำนวนผู้ใช้เฉพาะและจำนวนข้อความ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการและปรับปรุงบัญชีและการบริการ


ข้อ 12  การโอนและพันธมิตรทางธุรกิจ
1. บริษัทสามารถโอนการให้การบริการบัญชีทางการบางส่วนให้แก่บริษัทในกลุ่มของบริษัทหรือแก่บุคคลที่สามก็ได้
2. บริษัทสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีทางการแก่คู่ค้าทางธุรกิจและบุคคลที่สามอื่น ๆ (อย่างไรก็ตาม ไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล) เกี่ยวกับลูกค้าเพื่อจัดให้ซึ่งการทำงานของบัญชีทางการแก่คู่ค้าทางธุรกิจและเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และอื่นๆ เป็นต้น ของบุคคลที่สามอื่น ๆ  ในการนี้ การเชื่อมโยงของลูกค้ากับบัญชีทางการ และอื่นๆ อาจถูกแสดงอยู่บนเว็บไซต์ของคู่ค้าทางธุรกิจหรือบุคคลที่สามอื่น ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทสามารถแสดงตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ตของเว็บไซต์ (URL) ซึ่งรวมถึงข้อมูลของลูกค้าไว้ที่หุ้นส่วนทางธุรกิจ เผยแพร่การเชื่อมต่อสู่เว็บไซต์ดังกล่าว เป็นต้น ในหน้าบัญชีของลูกค้านั้นด้วย


ข้อ 13  การระงับ การเปลี่ยนแปลง และการเสร็จสมบูรณ์ของการบริการ
1. ในกรณีของข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถระงับการให้การบริการบัญชีทางการของไลน์ได้ในบางกรณี ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ระงับบัญชีทางการเป็นการชั่วคราว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับการระงับดังกล่าวต่อลูกค้า
(1) ในกรณีของการบำรุงรักษา ตรวจสอบ หรือเรื่องอื่นในทำนองเดียวกัน เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการให้การบริการบัญชีทางการ ซึ่งได้มีขึ้นตามปกติหรือในกรณีฉุกเฉิน
(2) ในกรณีที่มีความล้มเหลว การหยุดทำงาน หรือเรื่องอื่นในทำนองเดียวกัน เกิดขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการให้การบริการบัญชีทางการ
(3) ในกรณีที่เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้งานการบริการโทรคมนาคมซึ่งดำเนินการโดยผู้ประกอบธุรกิจโทรคมนาคม
(4) ในกรณีที่มีความยุ่งยากในการให้การบริการบัญชีทางการเนื่องจากไฟดับ ไฟไหม้ แผ่นดินไหว การประท้วงของแรงงาน หรือเหตุสุดวิสัยในรูปแบบอื่น
(5) ในกรณีที่มีสาเหตุเกี่ยวกับการดำเนินการหรือสาเหตุทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการอย่างสมเหตุสมผล
2. บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงหรือสิ้นสุดการดำเนินการบัญชีทางการทั้งหมดหรือบางส่วนได้โดยการประกาศหรือแจ้งให้ลูกค้าทราบในเรื่องดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะได้เปลี่ยนแปลงหรือสิ้นสุดการดำเนินการบัญชีทางการแล้วไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวต่อลูกค้าทั้งสิ้น


ข้อ 14  การไม่รับประกัน
บริษัทไม่รับประกันไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายถึงการไม่มีความชำรุดบกพร่อง ไม่ว่าจะโดยตามความเป็นจริงหรือโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการ (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความชำรุดบกพร่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ประสิทธิภาพ ความเหมาะสมในการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์โดยเฉพาะ ความมั่นคง หรือเรื่องอื่นในทำนองเดียวกัน ความบกพร่อง ข้อผิดพลาด การละเมิดสิทธิ และอื่นๆ เป็นต้น)


ข้อ 15   ความเสียหาย
1. ในกรณีที่ลูกค้าได้ละเมิดข้อกำหนดนี้และก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ค่าทนายความที่สมเหตุสมผล) ลูกค้าจะต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายนั้นให้แก่บริษัทโดยทันที
2. ในกรณีที่ลูกค้าได้รับการการร้องเรียน การอ้างสิทธิ การร้องขอ การเรียกร้อง การคัดค้าน และอื่นๆ เป็นต้น (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “การร้องเรียน และอื่นๆ”) โดยบุคคลที่สาม รวมถึงผู้ใช้งานบัญชีทางการเกี่ยวกับบัญชีทางการ โดยอ้างว่าสิทธิของบุคคลที่สามนั้นถูกละเมิด ลูกค้าดังกล่าวจะต้องดำเนินการและแก้ไขการร้องเรียน และอื่นๆ นั้นด้วยค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบของตน ทั้งนี้ ลูกค้าต้องรับผิดชอบในความรับผิดทางกฎหมายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้าด้วยตนเอง และลูกค้าตกลงว่าบริษัทจะไม่ต้องรับผิดสำหรับความเสียหายและการรับผิดใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้าไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ซึ่งในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน และอื่นๆ ลูกค้าที่เกี่ยวข้องจะต้องชดใช้ความเสียหายดังกล่าวทั้งหมดให้แก่บริษัท นอกจากนี้ ในกรณีที่บริษัทดำเนินการหรือแก้ไขการร้องเรียน และอื่นๆ ดังกล่าวในนามของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการดำเนินการและการแก้ไขนั้นด้วย
3. ในกรณีที่ลูกค้าจงใจแนะนำการบริการภายนอกให้แก่ผู้ใช้งานผ่านทางการใช้งานบัญชีทางการ ผู้ใช้งานอาจไม่สามารถใช้การบริการภายนอกดังกล่าวได้เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิคหรือเหตุผลอื่นในบางกรณี นอกจากนี้ โดยการแนะนำดังกล่าว อาจมีโอกาสที่ลูกค้าจะได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้งาน รวมถึงการตอบสนองที่เสียเปรียบจากผู้ให้การบริการด้านแพลตฟอร์ม (เช่น แอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) หรือ กูเกิล อิงค์ (Google Inc.) หรือข้อเสียเปรียบอื่น (ต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ข้อเสียเปรียบ”) ทั้งนี้ ลูกค้าต้องแนะนำให้ผู้ใช้งานใช้บริการภายนอกโดยความรับผิดชอบของลูกค้าเองบนพื้นฐานของการตระหนักถึงโอกาสที่จะเกิดสิ่งที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น และบริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับเงื่อนไขที่อาจทำให้การใช้งานการบริการภายนอกนั้นเป็นไปไม่ได้หรือสำหรับข้อเสียเปรียบใด ๆ ด้วย
4. บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าจากการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้านั้น โดยที่กรณีดังกล่าวจะไม่บังคับใช้กับความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการจงใจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโดยบริษัท ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะรับผิดชอบในการชดใช้ความเสียหายทั่วไปและความเสียหายโดยตรงที่บริษัทก่อให้เกิดแก่ลูกค้า เป็นจำนวนสูงสุดไม่เกินค่าบริการสำหรับบัญชีทางการที่ได้ชำระแล้วโดยลูกค้านั้นในเดือนที่ความเสียหายนั้นได้มีขึ้น


ข้อ 16  ข้อจำกัดการใช้งานบัญชี
แม้ว่าภายหลังจากที่ลูกค้าได้เริ่มต้นการใช้งานบัญชีทางการภายใต้บังคับข้อ 1 ของกำหนดนี้แล้ว หากบริษัทเห็นว่าข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับลูกค้าที่เกี่ยวข้อง บริษัทสามารถจำกัดการใช้งานบัญชีทางการของลูกค้าดังกล่าวได้ในบางกรณี เช่น โดยการไม่อนุญาตให้ลูกค้าดังกล่าวใช้งานบัญชีทางการหรือระงับการใช้งานนั้น นอกจากนี้ กรณีดังต่อไปนี้ถือเป็นเพียงตัวอย่าง ดังนั้น แม้ลูกค้าจะได้สอบถามเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การตัดสินในกรณีเฉพาะเจาะจงหรือการจำกัดการใช้งานบัญชีต่อบริษัท บริษัทไม่มีหน้าที่ใด ๆ ในการตอบคำถามเหล่านั้น
(1) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาที่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรม
(2) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาซึ่งได้กระทำหรือยุยงให้มีการกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นความผิดอาญา
(3) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาซึ่งได้ทำการขาย เป็นคนกลาง นายหน้า เป็นต้น ที่ผิดกฎหมายหรือเป็นการฉ้อฉล เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่จดทะเบียนและ/หรือการใช้ข้อมูลในอดีตของบุคคลที่สามอื่น ๆ
(4) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาซึ่งได้กระทำการซึ่งขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ หรือนโยบายของรัฐ หรือบุคคลทั้งหลายซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะกระทำการดังกล่าว
(5) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาซึ่งบริษัทเชื่อว่าได้กระทำการซึ่งเป็นการกระทำที่ต้องห้ามดังที่ระบุไว้ในข้อ 17
(6) บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดา (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาที่น่าจะก่อให้เกิดข้อเสียเปรียบแก่ผู้ใช้งานไลน์ กล่าวคือ บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาที่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบในทางเสียหายแก่ความน่าเชื่อถือหรือชื่อเสียงของบริษัท และรวมถึง บริษัท องค์กร หรือบุคคลธรรมดาที่น่าจะทำให้บริษัทต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องการข้อร้องเรียนหรือข้อพิพาท เป็นต้น) ซึ่งบริษัทเห็นว่าไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานบัญชีทางการ


ข้อ 17   การกระทำที่ต้องห้าม
ลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการดังต่อไปนี้ในระหว่างการใช้งานบัญชีทางการ
(1)  ฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ คำพิพากษา คำตัดสินชี้ขาดหรือคำสั่ง หรือวิธีการทางปกครองที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
(2)  กระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการทำผิดกฎหมาย
(3)  ละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทหรือบุคคลที่สาม (เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิในเครื่องหมายการค้า และสิทธิบัตร) สิทธิในเกียรติยศ สิทธิในความเป็นส่วนตัวของบุคคลดังกล่าว หรือสิทธิตามกฎหมายหรือตามสัญญาอื่น ๆ 
(4)  กระทำการที่อาจเป็นการฝ่าฝืนนโยบายสาธารณะ
(5)  ให้ผลประโยชน์แก่องค์กรต่อต้านสังคมหรือให้ความร่วมมือในรูปแบบอื่น 
(6)  ใช้งานบัญชีทางการเป็นสื่อโฆษณาสำหรับบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าของบริษัท (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การโฆษณาสินค้าหรือการบริการของบุคคลที่สามผ่านทางการใช้งานบัญชีทางการ)
(7)  เผยแพร่โฆษณาหรือข้อความใด ๆ โดยใช้ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ของผู้ใช้งาน (รวมเรียกว่า “การโฆษณา”) โดยการบริการที่ให้บริการโดยบัญชีทางการ ซึ่งจะต้องไม่มีการระบุข้อมูลเชิงประชากรใด ๆ ของผู้ใช้แต่ละรายที่เข้าถึงโฆษณานั้น ทั้งนี้ การกระทำที่ต้องห้ามในข้อนี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (1) การกำหนดเว็บไซต์ในการส่งผ่านข้อมูลเชิงประชากรต่าง ๆ และ (2) ส่วนเพิ่มเติมของข้อมูลที่สามารถตามรอยได้ของตัวชี้แหล่งในอินเทอร์เน็ต (URL) ของเว็บไซต์เพื่อการส่งผ่านสำหรับวัตถุประสงค์ข้างต้นเมื่อบริษัททำการเผยแพร่การโฆษณา
(8)  มอบหมายหรือการให้บุคคลที่สามยืมบัญชีหรือการใช้งานบัญชีร่วมกันกับบุคคลที่สาม
(9)  ปลอมแปลงเป็นบริษัทหรือบุคคลที่สาม การแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จโดยจงใจ หรือการให้หรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหรือบำรุงรักษาของประเภทธุรกิจที่ลูกค้าได้สมัครขอใช้การบริการไว้
(10) จัดเก็บ เปิดเผย หรือจัดหาข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลจดทะเบียน หรือการใช้ข้อมูลในอดีตของบุคคลที่สามที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(11) โพสต์หรือส่งผ่านความคิดเห็น และ/หรือ รูปภาพที่มีความรุนแรงเกินสมควร การแสดงความคิดเห็น และ/หรือรูปภาพเกี่ยวกับเพศอย่างชัดแจ้ง การแสดงความคิดเห็นและ/หรือรูปภาพที่อาจก่อให้เกิดการแบ่งแยกจากเชื้อชาติ สัญชาติ หลักความเชื่อ เพศ สถานะทางสังคม ต้นกำเนิดของครอบครัว และอื่นๆ เป็นต้น การแสดงความคิดเห็น และ/หรือ รูปภาพที่กระตุ้นหรือส่งเสริมการฆ่าตัวตาย การทำให้ตนเองพิการ หรือการใช้ยาในทางที่ผิด หรือการแสดงความคิดเห็น และ/หรือ รูปภาพที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต้านสังคมที่อาจก่อให้เกิดความไม่สบายใจแก่ผู้อื่น 
(12) กระทำการเพื่อวัตถุประสงค์ในการร่วมเพศด้วยการสอดใส่หรือการอนาจาร หรือกระทำการเพื่อวัตถุประสงค์ในการนัดพบหรือการออกเดทกับบุคคลแปลกหน้าต่างเพศ กระทำการเพื่อวัตถุประสงค์ในการละเมิดหรือใส่ร้ายลูกค้าคนอื่น หรือการกระทำอื่น ๆ ผ่านทางบัญชีทางการเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่คาดหมายไว้โดยบัญชีทางการ
(13) เผยแพร่ข้อมูลที่ถือเป็นการก่อให้เกิดความไม่สบายใจหรือเป็นการรบกวนโดยผู้ใช้งานหรือบุคคลที่สาม
(14) กระทำการที่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อระบบ และ/หรือ ระบบเครือข่ายของบัญชีทางการ
(15) กระทำการที่เป็นการรบกวนการบริหารจัดการของบัญชีทางการโดยบริษัท หรือใช้งานบัญชีทางการของลูกค้าคนอื่น ๆ หรือกระทำการที่เป็นอุปสรรค์ต่อการบริหารจัดการหรือการใช้งานนั้น
(16) จงใจทำให้บัญชีทางการล้มเหลวผ่านการใช้งาน
(17) สอบถามหรือร้องขอต่อบริษัทอย่างไม่สมเหตุสมผลต่อบริษัท
(18) เผยแพร่ความคิดเห็น รูปภาพ และ/หรือ ข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อกำหนดการใช้งานทั่วไปของ LY Corporation (LY Corporation Common Terms of Use) และแนวทางการใช้บัญชีทางการ (LINE Official Account Guidelines)
(19) เผยแพร่ความคิดเห็น รูปภาพ และ/หรือ ข้อมูลที่ขัดแย้งต่อแนวทางการใช้งานตราสัญลักษณ์ (Logo Use Guidelines) ของบริษัท 
(20) กระทำการที่เป็นการช่วยเหลือหรือส่งเสริมการใด ๆ ที่กำหนดไว้ในข้อ (1) ถึง (19)
(21) กระทำการอื่นใดที่บริษัทเห็นว่าไม่เหมาะสม


ข้อ 18  การระงับการใช้และการบอกเลิก
1.  ในกรณีที่บริษัทเห็นว่าข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นกับลูกค้าหรืออาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้า บริษัทสามารถระงับบัญชีทางการ โดยการระงับการใช้งานบัญชีทางการโดยลูกค้าเป็นการชั่วคราว หรือบอกเลิกสัญญาต่าง ๆ (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “สัญญา”) กับลูกค้าภายใต้ข้อกำหนดนี้ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ลูกค้าจากการระงับการใช้งานหรือการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวแก่ลูกค้านั้น
(1)  ในกรณีที่บริษัทได้ทราบถึงการมีอยู่ของเหตุในการปฏิเสธคำขอตามที่ระบุไว้ในข้อ 2 ข้อย่อยที่ 4 หลังจากการเริ่มต้นการใช้งานบัญชีทางการ (ไม่ว่าบัญชีที่เกี่ยวข้องนั้นจะเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้วหรือไม่ก็ตาม)
(2)  ในกรณีที่ลูกค้าได้ละเมิดข้อกำหนดนี้ เช่น กระทำการกระทำที่ต้องห้าม ภายใต้ข้อ 17 นี้
(3)  ในกรณีที่ลูกค้าได้ใช้บัญชีทางการสำหรับวัตถุประสงค์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(4)  ในกรณีที่บริษัทเชื่อว่ามีการขาดความน่าเชื่อถือของลูกค้า รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กรณีที่ลูกค้าถูกฟ้องในคดีล้มละลาย หรือคดีฟื้นฟูกิจการ หรือลูกค้าได้ยื่นคำร้องเหล่านั้นเอง
(5)  ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้ด้วยสาเหตุที่ไม่ใช่ความผิดของบริษัท
(6)  ในกรณีที่ลูกค้าไม่เข้าสู่บัญชีของตนภายในระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดขึ้นโดยบริษัท
(7)  นอกเหนือจากกรณีที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ในกรณีที่ลูกค้าได้ดำเนินการที่บริษัทเห็นว่าไม่เหมาะสม
2.  ในกรณีที่ แอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) กูเกิล อิงค์ (Google Inc.) หรือบุคคลที่สามที่บริหารจัดการและ/หรือให้บริการด้านช่องทางจำหน่ายแอพพลิเคชั่นที่บริษัทใช้งานอยู่ ได้ร้องข้อให้บริษัทระงับการให้บริการบัญชีทางการไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน บริษัทสามารถระงับการให้บริการบัญชีทางการโดยระงับการใช้งานบัญชีทางการของลูกค้าชั่วคราว หรือบอกเลิกสัญญาโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด
3.  แม้ในกรณีที่เกิดความเสียหายแก่ลูกค้าที่เกิดจากการระงับการใช้งานหรือเลิกสัญญาตามสองข้อย่อยก่อนหน้านี้บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อลูกค้านั้นทั้งสิ้น


ข้อ 19  การรักษาความลับ
ลูกค้าจะต้องรักษาความลับของข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัท (หมายถึง ข้อมูลใด ๆ และทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ผลิตภัณฑ์ การบริการ ธุรกิจ โครงการ เทคโนโลยี ความรู้ ความคิด แนวคิด และอื่นๆ เป็นต้น ของบริษัทซึ่งบริษัทได้ระบุไว้ในเวลาที่ได้เปิดเผยข้อมูลนั้นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นความลับ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวจะยังคงใช้บังคับเสมอไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวจะได้ถูกเปิดเผยโดยวิธีการใด ๆ) นอกจากนี้ เว้นแต่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งจำเป็นต้องถูกเปิดเผยภายใต้กฎหมายและ/หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าจะต้องไม่เปิดเผยหรือทำให้บุคคลที่สามทราบถึงข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทโดยปราศจากความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท


ข้อ 20   บทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต
1.  ลูกค้ารับประกันและรับรองแก่บริษัทว่า ลูกค้าและบริษัทแม่ บริษัทในเครือและบริษัทในกลุ่ม พนักงาน กรรมการ ลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้แทนอื่น ๆ ของลูกค้าและของบริษัทดังกล่าว (ภายใต้ข้อนี้ “บริษัทในเครือ”) ไม่เคยและจะไม่กระทำการดังต่อไปนี้ (แต่ละการกระทำ “การทุจริต” พระราชบัญญัติการกระทำที่เป็นการทุจริตต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ ค.ศ. 1977 (Foreign Corrupt Practices Act (“FCPA”) 1977)) ที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดนี้ การขายใด ๆ ที่มีขึ้นภายใต้ข้อกำหนดนี้ ค่าธรรมเนียมใด ๆ ที่ชำระหรือได้ชำระภายใต้ข้อกำหนดนี้ หรือธุรกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัท การให้ เสนอให้ หรือรับว่าจะให้ หรือให้อนุมัติการชำระเงินใด ๆ หรือการให้ หรือเสนอให้ หรือรับว่าจะให้ หรืออนุมัติการให้การบริการใด ๆ หรือสิ่งอื่นที่มีค่าไม่ว่าโดยตรงหรือผ่านบุคคลที่สาม ให้แก่เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานย่อย หรือขององค์กรมหาชนระหว่างประเทศ หรือของหน่วยงานหรือหน่วยงานย่อยขององค์กรมหาชนระหว่างประเทศ หรือของพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือผู้สมัครรับเลือกในตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (ก)  จูงใจให้บุคคลดังกล่าวกระทำการใด ๆ หรือตัดสินใจในตำแหน่งหน้าที่ของตน รวมถึงการตัดสินใจที่จะไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน รวมถึงการตัดสินใจไม่ทำหน้าที่ซึ่งมีอยู่กับหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานย่อย หรือองค์กรมหาชนระหว่างประเทศ หรือพรรคการเมือง (ข) จูงใจให้บุคคลดังกล่าวใช้อิทธิพลของตนกับหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานย่อย หรือองค์กรมหาชนระหว่างประเทศ หรือพรรคการเมืองนั้นเพื่อให้มีผลกระทบหรือมีอิทธิพลต่อการกระทำหรือการตัดสินใด ๆ ขององค์กรเหล่านั้น หรือ (ค) ทำให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบที่มิชอบ
2.  ลูกค้าตกลงว่าลูกค้าจะดำเนินการและจะทำให้บริษัทในเครือดำเนินการจัดทำและรักษาสมุดบัญชี หลักฐานและใบแจ้งชำระหนี้ต่าง ๆ ทั้งนี้ การชำระเงินทั้งหมดที่ชำระให้แก่ลูกค้าหรือบริษัทในเครือจะต้องทำขึ้นภายหลังจากที่ได้รับใบแจ้งหนี้ที่มีรายละเอียดและถูกต้องจากบริษัทพร้อมทั้งบันทึกสนับสนุนอย่างละเอียด
3.  ในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าลูกค้าหรือบริษัทในเครือได้กระทำการทุจริต ลูกค้าจะต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยทันทีเป็นลายลักษณ์อักษรถึงรายละเอียดแห่งข้อสงสัย และจะต้องยุติการกระทำการทุจริตนั้นโดยทันที หรือดำเนินการให้บริษัทในเครือยุติการกระทำการทุจริตนั้น ทั้งนี้ ลูกค้าจะต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บริษัทตามที่บริษัทร้องขอเกี่ยวกับการกระทำการทุจริตดังกล่าวและจะต้องดำเนินมาตรการเยียวยาที่เหมาะสมตามที่บริษัทร้องขอ
4.  เพื่อยืนยันการดำเนินการของลูกค้าตามข้อกำหนดในข้อย่อยก่อนหน้าของข้อนี้ บริษัทและ/หรือตัวแทนของบริษัทสามารถตรวจสอบลูกค้าและบริษัทในเครือ รวมถึงดำเนินการสอบถามโดยสมเหตุสมผลถึงการดังกล่าว ทั้งนี้ ลูกค้าจะต้องให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบดังกล่าวนั้นโดยมีข้อจำกัดที่สมเหตุสมผล
5.  หากลูกค้าหรือบริษัทในเครือฝ่าฝืนส่วนใด ๆ ในข้อนี้ บริษัทโดยดุลยพินิจของตนแต่เพียงผู้เดียว สามารถยกเลิกหน้าที่ใด ๆ ของบริษัทในการชำระเงินทดรองจ่าย ค่าธรรมเนียม หรือค่าชดเชยอื่นใดให้แก่ลูกค้า และสามารถเลือกที่จะดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้ 
(ก)   บอกเลิกข้อกำหนดนี้โดยทันที
(ข)   หักลบกลบหนี้ในจำนวนใด ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ค่าธรรมเนียมหรือค่าชดเชยอื่น ๆ ที่ได้เคยชำระไว้โดยบริษัทภายใต้ข้อกำหนดนี้
(ค)   เรียกร้องให้ลูกค้ารับผิดชดใช้แก่บริษัทในความเสียหาย การสูญหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ก่อให้เกิดขึ้นแก่บริษัท และ/หรือ
(ง)   เรียกร้องให้ลูกค้าปฏิบัติตามคำร้องขอที่สมเหตุสมผลของบริษัทเพื่อเยียวยาการฝ่าฝืนข้อกำหนดในข้อนี้
นอกจากนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหาย ความเสียหาย การเรียกร้อง ความรับผิด ค่าใช้จ่ายหรือการชำระเงินใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าโดยเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำนั้น
6. เพื่อประโยชน์ของบทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต ประมวลจริยธรรมทางธุรกิจของ LY Corporation Group ได้ถูกแนบไว้ในข้อกำหนดของการบริการของไลน์ที่ https://terms.line.me/line_CodeofConduct?lang=en

ข้อ 21  การไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้านสังคม
1. ลูกค้ารับรองและยืนยันว่าลูกค้า ผู้แทน เจ้าหน้าที่ และฝ่ายต่าง ๆ ที่มีสิทธิในการบริหารงาน ลูกจ้าง ตัวแทน และตัวกลางของลูกค้า (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บุคคลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ” หรือคำเรียกอื่นที่เหมาะสมตามหลักไวยากรณ์ เช่น “บุคคลที่เกี่ยวข้อง”) ในปัจจุบันหรือหลังจากนี้ ไม่ได้เป็นกลุ่มอาชญากร สมาชิกของกลุ่มอาชญากร สมาชิกที่เกี่ยวข้องของกลุ่มอาชญากร บริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรโซไกยะ (ผู้กรรโชกทรัพย์) กลุ่มที่ดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมที่เป็นความผิดอาญาโดยอ้างว่าเป็นการดำเนินกิจกรรมทางสังคมหรือ บุคคลหรือองค์กรที่กรรโชกทรัพย์โดยอ้างกิจกรรมทางการเมือง กลุ่มอาชญากรที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางปัญญา หรือบุคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มคนดังกล่าวและ/หรือกลุ่มที่คล้ายคลึงกันนั้น (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “กลุ่มต่อต้านสังคม”)
2. ลูกค้ายืนยันว่าลูกค้าและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จะไม่ดำเนินการดังต่อไปนี้ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
(1)  เรียกร้องโดยใช้ความรุนแรง
(2)  เรียกร้องอย่างไร้เหตุผลและอยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย
(3)  ดำเนินธุรกรรมทางธุรกิจในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่คุกคามทางวาจาหรือการกระทำ หรือการกระทำที่ใช้ความรุนแรง (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องของลูกค้าที่เป็นกลุ่มต่อต้านสังคม)
(4)  ทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัทโดยการปล่อยข่าวลือด้วยวิธีการอันฉ้อฉล หรือโดยใช้กำลัง หรือขัดขวางการให้การบริการของบริษัท
(5)  ดำเนินการอื่นใดที่คล้ายกับการกระทำที่ได้ระบุไว้ข้อใดข้อหนึ่งก่อนหน้านี้
3. ในกรณีที่พบว่าลูกค้าได้ละเมิดคำรับรองหรือการยืนยันที่ระบุไว้ในข้อย่อยก่อนหน้านี้ บริษัทสามารถระงับการให้การบริการบัญชีทางการโดยการบอกเลิก “สัญญา” โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด ทั้งนี้ แม้ว่าอาจเกิดความเสียหายแก่ลูกค้าจากการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในการนั้นแก่ลูกค้าทั้งสิ้น


ข้อ 22  การโอนและการยอมรับสถานะ
1. เว้นแต่บริษัทจะได้ให้ความยินยอมแก่การดังกล่าว ลูกค้าจะต้องไม่โอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสัญญา หรือสถานะตามสัญญาดังกล่าวแก่บุคคลที่สาม หรือนำไปเป็นหลักประกันแก่บุคคลที่สาม หรือดำเนินการให้บุคคลที่สามยอมรับสิ่งดังกล่าว 
2. ในกรณีที่บริษัทประสงค์ที่จะโอนบัญชีทางการไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนให้แก่กลุ่มบริษัทหรือบริษัทต่าง ๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่สามอื่น ๆ บริษัทสามารถโอนสถานะของบริษัทภายใต้เงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว โดยการประกาศหรือแจ้งให้ลูกค้าทราบเรื่องดังกล่าวและลูกค้าได้ให้ความยินยอมล่วงหน้าเพื่อการดังกล่าวแล้ว


ข้อ 23  การเป็นโมฆะบางส่วน
แม้บทบัญญัติบางข้อของกำหนดนี้จะปรากฏว่าไม่มีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย ข้อบังคับ และอื่นๆ เป็นต้น บทบัญญัติที่เหลืออยู่นอกจากบทบัญญัติที่ไม่มีผลบังคับใช้ดังกล่าวจะยังคงมีผลผูกพันต่อไปโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ บทบัญญัติในส่วนที่ไม่มีผลบังคับใช้ดังกล่าวข้างต้นจะต้องได้รับการปรับปรุงภายในขอบเขตที่จำเป็นที่น้อยที่สุดเพื่อให้บทบัญญัตินั้นมีผลบังคับใช้ได้ และบทบัญญัติเหล่านั้นจะต้องถูกตีความในลักษณะที่สงวนไว้ซึ่งความประสงค์ในผลทางกฎหมายและทางเศรษฐศาสตร์ในขอบเขตสูงสุดที่สามารถกระทำได้


ข้อ 24  ข้อตกลงทั้งหมด
ข้อกำหนดนี้ (ในแต่ละกรณี การอัพเดท การแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือการเพิ่มเติมเป็นครั้งคราว) เป็นข้อตกลงทั้งหมดระหว่างบริษัทและลูกค้า ทั้งนี้ ข้อกำหนดนี้เป็นข้อความที่สมบูรณ์เพียงหนึ่งเดียวเกี่ยวกับความเข้าใจในหัวข้อทั้งหลายที่ระบุไว้ในข้อกำหนดนี้ และมีผลผูกพันเหนือข้อตกลง พันธะสัญญา ข้อเสนอ การรับรอง หรือการติดต่อสื่อสารทางวาจาหรือลายลักษณ์อักษรก่อนหน้าหรือที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด


ข้อ 25  ภาษา กฎหมายที่ใช้บังคับและเขตอำนาจศาล
ข้อกำหนดนี้ในฉบับภาษาไทยจะใช้บังคับกับลูกค้าที่บริษัทพิจารณาว่าเป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และในกรณีที่มีความขัดแย้งกันระหว่างข้อกำหนดนี้และการแปลภาษาของข้อกำหนดนี้ที่ดำเนินการโดยบริษัท ให้ข้อกำหนดในภาษาถิ่นมีผลบังคับเหนือกว่า ข้อกำหนดนี้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นโดยไม่อ้างอิงถึงการขัดกันแห่งกฎหมาย ทั้งนี้ ข้อพิพาทใด ๆ และทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการระหว่างบริษัทและลูกค้าจะต้องถูกพิจารณาโดยศาลเขตแห่งโตเกียวซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในศาลชั้นต้น


วันที่แก้ไขล่าสุด 1 ตุลาคม 2566